ข่าวออนไลน์
สู้3ศาล คุก4ปี เสี่ยเสพยาซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ดคลอก2ศพ

สู้3ศาล คุก4ปี เสี่ยเสพยาซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ดคลอก2ศพ

สู้3ศาล คุก4ปี เสี่ยเสพยาซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ดคลอก2ศพ

ยังจำคดีนี้ได้ไหม!? เจนภพ วีรพร เสี่ยรถเบนซ์ เสพยา-ควบซิ่งชนฟอร์ดไฟไหม้คลอก นิสิตปริญญาโทมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเสียชีวิตคาซากรถ 2 ศพ จำเลยสู้ถึงฎีกา! ศาลใช้บทลงโทษหนักที่สุด จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา

ปิดคดีเสี่ยรถเบนซ์ เจนภพ วีรพร เจ้าของเบนซ์ซีแอลเค สีดำ ขับรถชนรถฟอร์ดจนเกิดไฟลุกไหม้ทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ล่าสุดศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งคดีนี้ มีพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ และนายไพบูลย์ ถาวร นายทิวากร ฮ้อแสงชัย กับพวกรวม 4 คน เป็นโจทก์ร่วมด้วย ได้ยื่นฟ้อง นายเจนภพ วีรพร เสี่ยรถเบนซ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จากเหตุขับรถพุ่งชนรถ


โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 จำเลยได้ขับรถเบนซ์ รุ่นซีแอลเค สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 จนเกิดไฟไหม้ ทำให้ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา


สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพิ่มโทษจำคุกจำเลย ต่อมา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิ่มโทษ ตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 อุทธรณ์ ลงโทษจำคุกจำเลย ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนขับรถ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษจำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้บางส่วน คงเหลือโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ไม่รอลงอาญา


ด้านจำเลยได้ยื่นศาลฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการกำหนดโทษจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 คน เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเลยต้องรับผิดชอบให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 ตามกฎหมายในทางแพ่งอยู่แล้ว


ส่วนที่จำเลยอ้างว่า จบการศึกษาจากต่างประเทศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท มีคุณงามความดีช่วยเหลือผู้อื่น หลังเกิดเหตุได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายทั้ง 2 เป็นเวลา 2 เดือน 3สัปดาห์ ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยสถานเบา หรือรอการลงโทษให้จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี นั้น นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์ของรูปคดีแล้ว และเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว


สำหรับคดีนี้โจทก์ร่วมได้ ขอให้ศาลฎีกา ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษ โดยศาลฎีกาเห็นว่า หลังศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำเลย ได้ใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุดแก่จำเลยและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลง แก้ไขทั้งบทและโทษที่ลงแก่จำเลย ฎีกาของโจทก์ร่วม ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน คงจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา

Powered by Froala Editor

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH