'ฟีฟ่าเดย์' เกมทีมชาติของ 3 กัปตัน กับ 3 สถิติใหม่ ในค่ำคืนเดียว

ที่มาภาพ : AFP

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พาโปรตุเกสลงสนามเล่นที่เอสตาดิโอ โฆเซ อัลบาลาเด กรุงลิสบอน ในเกมฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือก นัดแรก เปิดบ้านถล่ม ลิกเทนสไตน์ ไปแบบขาดลอย 4-0 โดย ได้ประตูจาก เจา คันเซโล่, แบร์นาร์โด ซิลวา และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เหมาคนเดียวสองประตู

โดยเกมนี้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส สร้างสถิติกลายเป็นนักฟุตบอลชายที่ลงสนามในระดับทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังลงเล่นนัดที่ 197 ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แซงหน้า บาเดียร์ อัล-มูตาว่า เจ้าของเดิมทีมชาติคูเวต ที่เคยทำไว้ที่ 196 นัด ในเกมพบโมร็อคโก ที่กาตาร์

หลังจบเกม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า "ถือเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่ได้เล่นอีกครั้ง (รับใช้ทีมชาติโปรตุเกส) และทำประตูให้กับทีมชาติของเรา ในสนามที่สุดพิเศษสำหรับผม ภูมิใจที่ผมเป็นนักฟุตบอลที่ลงสนามในนามทีมชาติมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา"

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกยอมรับว่า เขาเคยคิดที่จะเลิกเล่นทีมชาติโปรตุเกส หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งเขาหลุดไปเป็นตัวสำรองภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์นันโด ซานโตส กุนซือคนก่อน กระทั่ง "ฝอยทอง" ตกรอบ 8 ทีม

แต่ โรนัลโด้ เปิดเผยว่ามี 2 ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขายังรับใช้ทีมชาติโปรตุเกสต่อไปว่า "ผมจะไม่โกหก ในชีวิตเราต้องวางทุกอย่างแบบมีเป้าหมาย เราคิดว่าเราได้สะท้อนถึงตัวผมและครอบครัวของผม แต่แล้วเราก็ได้ข้อสรุปว่าแม้จะเจอความยากลำบาก แต่เราไม่สามารถโยนผ้ายอมแพ้ได้ เมื่อผมมองสถานการณ์ในมุมที่แตกต่างกัน ผมก็ได้เรียนรู้มากมายจากสิ่งนั้น"

"ผมดีใจที่ได้กลับมา โรเบร์โต มาร์ติเนซ แสดงให้เห็นว่าเขายังไว้ใจผม และผมยังต้องการลงเล่นเสมอ อย่างที่คุณรู้เขาได้คุยกับทุกคนรวมถึงผมด้วย และผมก็ตระหนักได้ว่าผมยังมีอะไรมากมายที่จะมอบให้กับทีมชาติได้ และความปรารถนาของผมคือการพาโปรตุเกสไปสู่ระดับสูงสุด ผมพร้อมเสมอ หากพวกเขาต้องการผม"

ที่มาภาพ : AFP

ส่วนอีกหนึ่งสถิติที่สำคัญของนักเตะที่เรียกว่าขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในตอนนี้อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ โดยดาวเตะวัย 35 ปี สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมพาทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงเล่นเกมกระชับมิตรพบกับ ปานามา ที่สนามเอสตาดิโอ โมนูเมนทัล กรุงบัวโนส ไอเรส และเอาชนะ ไป 2-0 โดยทั้งสองประตูมาจากช่วง 12 นาทีก่อนจบเกม จากการยิงประตูของ ติอาโก้ อัลมาดา นาทีที่ 78 และฟรีคิกสุดสวยจาก ลิโอเนล เมสซี นาทีที่ 89

จากฟรีคิกลูกดังกล่าว ส่งผลให้ เมสซี่ ยิงประตูในอาชีพการค้าแข้งไปแล้วทั้งหมด 800 ประตู โดยแบ่งเป็นยิงให้กับ บาร์เซโลน่า 672 ประตู และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 29 ประตู และในนามทีมชาติอาร์เจนติน่า 99 ประตู

โดยประตูทั้งหมดนับตั้งแต่ เมสซี่ ขึ้นมาเล่นให้ บาร์เซโลน่า ชุดใหญ่ เมื่อปี 2004 ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของโลกอันดับ 2 เป็นรอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ 30 ประตู ซึ่งมีเพียง 2 แข้งนี้เท่านั้นที่สามารถยิงในทุกรายการได้แตะ 800 ประตูในประวัติศาสตร์

ที่มาภาพ : AFP

ส่วนอีกหนึ่งสถิติสำคัญก็ตก็เป็นของกองหน้าที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในยุคนี้อย่าง แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ พาทีมลงสนามพบกับ ทีมชาติอิตาลี และเอาชนะไปได้ 2-1 ในเกมฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือก กลุ่มซี ที่เมือง เนเปิ้ลส์ โดยได้ประตูจาก ดีแคลน ไรซ์ และ แฮร์รี่ เคน ทำคนละประตู

โดยเกมนี้ แฮร์รี่ เคน สามารถทำประตูได้ และกลายเป็นประตูที่ส่งให้เขาขึ้นแท่นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ โดยยิงไปแล้ว 54 ประตู ทำลายสถิติเดิมของ เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยทำไว้ 53 ประตู

หลังจบเกม เคน ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยว่า "มันมีความหมายมาก ผมตื่นเต้นมากที่ได้เล่นให้ อังกฤษ และเราเริ่มเกมคัดเลือกยูโรได้เป็นอย่างดี"

"มันสมควรต้องเป็นลูกโทษ และทันทีที่บอลเข้าประตู มันก็เป็นอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นโมเมนต์ที่มีมนต์ขลัง"

"ผมชินกับการรอวีเออาร์แล้วเพราะมันมีลูกโทษบ่อยมาก และต้องใช้วีเออาร์เข้ามาเช็ก ผมแค่ทำหน้าที่ด้วยการตั้งบอลบนจุด และยิงมัน"

"มันเป็นคืนที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ชนะที่ อิตาลี มานานแล้ว การยิงประตูพาทีมชนะได้จึงพิเศษมาก"

"ผมอยากขอบคุณเพื่อนร่วมทีม สตาฟฟ์ แฟนๆ และครอบครัวที่บ้าน รวมทั้งภรรยา มันเป็นคืนที่ผมจะไม่ลืมเลย ขอบคุณทุกคนที่นี่ด้วยที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง"

เวย์น รูนี่ย์ เจ้าของสถิติดาวซัลโวร่วมส่งข้อความมาแสดงความยินดีด้วยเช่นเดียวกับคนในวงการฟุตบอลนั้น เคน ก็กล่าวว่า "ขอบคุณมาก ผมอยู่ในสนามด้วยตอนที่ เวย์น สร้างสถิติ ผมรู้ว่ามันมีความหมายต่อเขามากแค่ไหน และผมภูมิใจไปกับเขา"

"ผมจำได้ตอนที่ผมเป็นคนมอบรองเท้าให้เขากับการทำลายสถิติ เขาบอกว่าเขาจะเป็นฝ่ายมอบให้ผมในสักวัน เขาเป็นคนที่พิเศษ เขาคือตำนาน"