บิ๊กแมตช์ล่าท็อปโฟร์!ลิเวอร์พูลปรับเกมรับดวลเชลซีขนทัพใหญ่บุก
พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่แอนฟิลด์ "หงส์แดง" หวังเก็บชัยล่าท็อปโฟร์รับมือ "สิงห์บลูส์" สานต่อไร้พ่ายแซงขึ้นที่ 4 เริ่มฟาดแข้งเวลา 03.15 น. และทรรศนะจากทีมงาน
วันนี้ ( 4 มีนาคม 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "สิงห์บลูส์" เชลซี ลงทำการแข่งขันเวลา 03.15 น. ถ่ายทอดสดทางทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล HD 1 (600)
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
20/09/20 เชลซี 0-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
23/07/20 ลิเวอร์พูล 5-3 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
04/03/20 เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)
22/09/19 เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
15/08/19 ลิเวอร์พูล 2-2 เชลซี (ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล
28/02/21 ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
21/02/21 แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
16/02/21 ชนะ ไลป์ซิก 2-0 (เยือน, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
13/02/21 แพ้ เลสเตอร์ 1-3 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
07/02/21 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
เชลซี
28/02/21 เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
23/02/21 ชนะ แอตเลติโก มาดริด 1-0 (เยือน, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
20/02/21 เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
16/02/21 ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
12/02/21 ชนะ บาร์นสลี่ย์ 1-0 (เยือน, เอฟเอ คัพ)
ความพร้อมล่าสุด
ลิเวอร์พูล
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันพา "หงส์แดง" บุกไปเชือด เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุดปลดล็อกคว้าชัยในลีกเป็นเกมแรกหลังจากแพ้มา 4 เกมติดต่อกันทำให้รั้งอันดับ 6 ของตารางคะแนนตามหลังท็อปโฟร์ 2 แต้ม
ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใช้งานตัวเจ็บหน้าเดิมทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้ากลับมาซ้อมได้แล้วแต่มีอาการป่วยต้องเช็กความฟิตเช่นเดียวกับ ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ และ ควีวิน เคลเลเฮอร์
การจัดทัพจะได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งสูญเสียคุณพ่อ พร้อมกับเข็น ฟาบินโญ่ กลับมาคุมหลังบ้านร่วมกับ โอซาน คาบัค ส่วนแกนหลักอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ พร้อมลงสนาม
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, ฟาบินโญ่ (นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์ ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
เชลซี
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเยอรมันพา "สิงห์บลูส์" เสมอแมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 ในเกมลีกนัดล่าสุดทำให้ไม่ชนะใครในลีก 2 เกมติดแต่ก็ไม่แพ้ใครตลอด 9 เกมที่คุมทีมทุกรายการโดยในลีกรั้งอันดับ 5 ตารางคะแนนตามหลังท็อปโฟร์แต้มเดียว
ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใช้งานติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังจอมเก๋าที่กลับมาซ้อมได้แล้วแต่ยังต้องเรียกความฟิตอีกสักพักรวมทั้งเช็กความพร้อม คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมกับ ปีศาจแดง
การจัดทัพส่งใช้งาน รีซ เจมส์ ยืนวิงแบ็กขวาแทน ฮัดสัน-โอดอย ส่วนเกมรุกน่าให้โอกาส ไค ฮาแวร์ทซ์ แทนฮาคิม ซีเย็คโดยผนึกกำลังร่วมกับ เมสัน เมาน์ท และ ติโม แวร์เนอร์ ลงล่าตาข่าย
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ ; เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ; รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ ; เมสัน เมาน์ท, ไค ฮาแวร์ทซ์ ; ติโม แวร์เนอร์
True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน
ลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาสู่ฟอร์มเก่งได้เรื่อยๆแม้จะยังไม่ใช่หงส์แดงตัวดุดันตัวเดิมแต่ก็ประมาทไม่ได้ขณะที่เชลซียังมีปัญหาตัวรุกจบสกอร์ไม่เด็ดขาดต่อเนื่องเกมนี้เชื่อว่าเป็นเกมที่สู้กันด้วยแท็กติกและหารที่ต่างมีเกมรุกที่ไม่ค่อยแน่นอนพอกันดูแล้วโอกาสแบ่งแต้มมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด
ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 1-1