ลิเวอร์พูลลุ้นหวนเก็บชัยล่าท็อปโฟร์รับนิวคาสเซิลขอแต้มเพื่ออยู่รอด

วันนี้ ( 24 เมษายน 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 33 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ลงทำการแข่งขันเวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทางทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล HD 1 (600)

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

31/12/20 นิวคาสเซิ่ล เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (พรีเมียร์ลีก)

26/07/20 นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3 (พรีเมียร์ลีก)

14/09/19 ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (พรีเมียร์ลีก)

07/04/19 นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (พรีเมียร์ลีก)

23/09/18 ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0 (พรีเมียร์ลีก)

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล

20/04/21 เสมอ ลีดส์ 1-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

14/04/21 เสมอ เรอัล มาดริด 0-0 (เหย้า, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก)

10/04/21 ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

07/04/21 แพ้ เรอัล มาดริด 1-3 (เยือน, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก)

04/04/21 ชนะ อาร์เซน่อล 3-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

นิวคาสเซิ่ล

17/04/21 ชนะ เวสต์แฮม 3-2 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

11/04/21 ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

04/04/21 เสมอ สเปอร์ส 2-2 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

21/03/21 แพ้ ไบรท์ตัน 0-3 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

13/03/21 เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

ความพร้อมล่าสุด

ลิเวอร์พูล

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันพา "หงส์แดง" ทำได้แค่เสมอ ลีดส์ 1-1ทำให้รั้งที่ 7 มี 53 แต้มจาก 32 เกมตามหลังเชลซี ทีมอันดับ 4 พื้นที่สุดท้ายลุยแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ 2 แต้มเท่านั้น

ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใชงานตัวเจ็บหน้าเดิมทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โฌเอล มาติป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดีว็อค โอริกี้ รวมทั้ง แนต ฟิลลิปส์ ปราการหลังดาวรุ่งที่เดี้ยงเพิ่มจนชวดบู๊ลีดส์แต่จะได้ เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งฟิตกลับมาช่วยทีม

การจัดทัพน่าจะกลับมาใช้ โม ซาลาห์ เป็นตัวจริงอีกครั้งหลังนั่งสำรองเกมเจอลีดส์และลงเล่นช่วง 20 นาทีท้ายโดยน่าจะเบียดโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่หลุดเป็นสำรองหลังเล่นเต็มเกม ส่วนเกมรับต้องขยับฟาบินโญ่ ไปยืนเซนเตอร์กับ โอซาน คาบัค ต่ออีกนัด

ระบบ (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่

นิวคาสเซิ่ล

สตีฟ บรูซ กุนซือชาวอังกฤษพา "สาลิกาดง" บดเอาชนะเวสต์แฮมที่เหลือ10คนแบบหืดจับ 3-2ทำให้ทีมขยับขึ้นอันดับ 15 มี 35 แต้มจาก 32 เกม อยู่เหนือ ฟูแล่ม ทีมสุดท้ายที่ตกชั้น 8 คะแนนและแข่งน้อยกว่า 1 เกม

ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใช้งาน จามาล ลาสเซลล์ ที่เจ็บเท้า, ฟาเบียน ชาร์ เจ็บเข่า และ อิซัค เฮย์เด้น ที่เจ็บเข่า ต้องพักยาวแต่มีข่าวดีได้ อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ที่เจ็บข้อเท้าจากเกมเจอเวสต์แฮมฟิตทันลงเล่นเกมนี้

การจัดทัพยังคงยึดทีมตัวจริงจากเกมล่าสุดลงเล่นต่อไปมีแซงต์-มักซิแม็ง จับคู่ โชลินตอน ล่าตาข่าย ส่วนแดนกลางมีฌอน ลองสตาฟฟ์, จอนโจ เชลวี่ และ มิเกล อัลมิรอน ประสานงานกัน ขณะที่เกมรับให้เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ กับ คีแรน คล้าร์ก บัญชาการ

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (5-3-2) : มาร์ติน ดูบราฟก้า ; ยาค็อบ เมอร์ฟี่, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, คีแรน คล้าร์ก, พอล ดัมเมตต์, แมตต์ ริตชี่ ; ฌอน ลองสตาฟฟ์, จอนโจ เชลวี่, มิเกล อัลมิรอน ; อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง, โชลินตอน

True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน

ลิเวอร์พูลฟอร์มไม่ค่อยนิ่งช่วงนี้เกมรุกยังมีปัญหาปิดสกอร์ไม่ค่อยเด็ดขาด ขณธที่นิวคาสเซิ่ลเก็บชัยเกมล่าสุดได้ทำให้หายใจโล่งขึ้นแต่เกมที่แล้วคู่แข่งเหลือ 10 คนแต่ก็จวนเจียนโดนตีเสมอเหมือนกันเกมรับไม่ค่อยแน่นเท่าไหร ดูล้วเกมนี้"หงส์แดง" ครองบอลเข้าทำตามสไตล์และน่ากลับมาเก็บชัยได้แต่คงต้องลุ้นเหนื่อยหน่อยเมื่อทีมเยือนมาเน้นรับลึกรอสวน

ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1