Football
สเตอร์ลิงโหม่งชัย! อังกฤษหั่นสาธารณรัฐเช็ก 1-0 จบแชมป์กลุ่ม รอชนที่2กลุ่มเอฟ

สเตอร์ลิงโหม่งชัย! อังกฤษหั่นสาธารณรัฐเช็ก 1-0 จบแชมป์กลุ่ม รอชนที่2กลุ่มเอฟ

ราฮีม สเตอร์ลิง โหม่งประตูชัย พา อังกฤษ เอาชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 ส่งผลให้ อังกฤษ มีเพิ่มเป็น 7 คะแนน จบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ไปรอพบทีมอันดับ 2 ของ กลุ่มเอฟ ขณะที่ สาธารณรัฐเช็ก มี 4 แต้ม หล่นไปจบอันดับ 3 ของกลุ่ม หลังผลต่างลูกได้เสียแย่กว่า โครเอเชีย

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดสุดท้าย ที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ประเทศอังกฤษ "สาธารณรัฐเช็ก" ลงสนามพบ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ลงทำการแข่งขันเวลา 02.00 น.


เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที ลุค ชอว์ วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้บอลหลุดเดี่ยวก่อนกระดกบอลข้ามตัว โทมัส วาคลิค แต่บอลลอยไปชนเสาก่อนกระดอนมาแล้วกองหลังของ สาธารณรัฐเช็ก เคลียร์บอลออกมาได้


นาทีที่ 12 แฮร์รี่ เคน เก็บตกบอลได้ในกรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายออกด้านซ้ายให้ แจ็ค กรีลิช มีจังหวะเลียงบอลก่อนได้จังหวะหยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง ที่สอดขึ้นมาโหม่งส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ อังกฤษ ออกนำ สาธารณรัฐเช็ก 1-0


ต่อมาในนาทีที่ 25 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ แฮร์รี่ เคน ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนล็อคหลบกองลังแล้วตัดสินใจยิง แต่บอลไปติดเซฟของ โทมัส วาคลิค ที่ยังปัดบอลออกมาได้


ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก อังกฤษ ออกนำ สาธารณรัฐเช็ก 1-0


เริ่มครึ่งหลังมาทั้งสองทีมต่างพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่กันแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งในน้อยคัรั้ง ทำให้เกมผ่านไปแล้ว 60 นาที สกอร์ยังคงเดิมที่ อังกฤษ นำ สาธารณรัฐเช็ก 1-0


เกมดำเนินถึงนาทีที่ 75 ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามครองบอลเพื่อหวังหาจังหวะทำประตูออกนำ แต่แล้วทั้งสองทีมก็ยังหาจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งไม่ได้ สกอร์ยังคงเดิมที่ อังกฤษ ออกนำอยู่ 1-0


ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้หมดเวลาการแข่งขัน อังกฤษ เอาชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 ส่งผลให้ อังกฤษ มีเพิ่มเป็น 7 คะแนน จบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ไปรอพบทีมอันดับ 2 ของ กลุ่มเอฟ ขณะที่ สาธารณรัฐเช็ก มี 4 แต้ม หล่นไปจบอันดับ 3 ของกลุ่ม หลังผลต่างลูกได้เสียแย่กว่า โครเอเชีย


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


สาธารณรัฐเช็ก (4-2-3-1) : โทมัส วาคลิค ; วลาดิเมียร์ ซูฟัล, ออนเดรจ์ เซลุสต์ก้า, ทามาส คาลาส, ยาน โบริล ; โทมัส ซูเช็ค, โทมัส โฮลส์ (มาเตย์ วีดร้า น.84); ลูคัส มาโซปุสต์ (อดัม โลเช็ค น.64), วลาดิเมียร์ ดาริด้า(อเล็กซ์ คราล น.64), ยาคุบ ยังค์โต้ (ปีเตอร์ เชฟชีค์ น.46); แพทริค ชิค (โทมัส เป็คฮาร์ท น.75)


อังกฤษ (4-2-3-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด ; ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (ไทรอน มิงส์ น.79),แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ ; เดแคลน ไรซ์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.46), คัลวิน ฟิลลิปส์ ; บูคาโย่ ซาก้า (เจดอน ซานโช่ น.84), แจ็ค กรีลิช (จู๊ด เบลลิ่งแฮม น.67), ราฮีม สเตอร์ลิง (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.67); แฮร์รี่ เคน

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH