ข่าวออนไลน์
หมอพ้อ!ไม่ได้กอดพ่อแม่ครึ่งปี ถามที่ผ่านมาอดทนเพื่อ!?

หมอพ้อ!ไม่ได้กอดพ่อแม่ครึ่งปี ถามที่ผ่านมาอดทนเพื่อ!?

หมอพ้อ!ไม่ได้กอดพ่อแม่ครึ่งปี ถามที่ผ่านมาอดทนเพื่อ!?

อ่านแล้วน้ำตาซึม เพจหมอเผย สุดห่วงพ่อแม่ อยู่ในพื้นที่เสี่ยงโควิด ตัวเองทำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย ไม่ได้กอดกันครึ่งปีเพราะหวั่นจะเอาเชื้อไปติด ต้องแยกกันอยู่ ถาม “ที่อดทนกันมาเพื่ออะไร!!??” ระบุ เหมือนถูกคนไว้ใจทรยศ!





เพจหมอหมอแมวน้ำเล่าเรื่อง ร่ายยาวกรณีมีผู้ติดเชื้อ2ราย จากการได้รับการยกเว้นการกักตัว 14 วัน รายหนึ่งเป็นทหารจากอียิปต์ ด้วยเอกสิทธิทางทหาร อีกรายเป็นเด็กหญิงลูกอุปทูตซูดานที่ได้รับการยกเว้นจากเอกสิทธิการทูต จนขณะนี้ทำให้คนไทยหลายร้อยคนต้องกักตัวเพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเพจหมอแมวน้ำเล่าเรื่อง ระบายว่า


โกรธเรื่องนี้มาก จนอยากร้องไห้ เชื่อว่าเกือบทุกคนคงรู้สึกเหมือนกันว่า “ที่อดทนกันมาเพื่ออะไร!!??” บ้านหมออยู่ตรงโซนนั้นล่ะค่ะที่มีแขกวีไอพีเพ่นพ่าน แล้วพ่อแม่หมอล่ะ?? ถ้าติดเชื้อขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ

คือไม่ได้สัมผัสตัวพ่อแม่กับคนที่บ้านมาครึ่งปีละ มีบ้านแต่ไปค้างคืนที่บ้านไม่ได้ ต้องแยกอยู่ตามลำพัง มันเหงาและเศร้ามากนะคะ ลำบากแทบตาย สุดท้าย...



และอีกโพสต์หนึ่ง


#ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศทั้งที่เราเชื่อใจให้ความร่วมมือ

.

(1)

สัปดาห์ก่อนหน้ามีผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกาและคณะมาเป็นแขกคณะแรกที่ได้เข้ามาในประเทศไทย หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ศบค.ให้ข่าวว่ามีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ตามมาตรฐานที่กำหนด ฝ่ายไทยมีระบบเคร่งครัดป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น จัดรถตู้ที่มีฉากกั้นให้นั่ง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกจุดและจัดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ติดตามคณะ แต่ไม่ได้มีการกักตัว 14 วัน!!!


โฆษกศบค.ยืนยันว่าแขกพิเศษรัฐบาลไม่ต้องกักตัว (เหตุผล??) หลังจากนั้นมีภาพข่าวงานเลี้ยงวันชาติสหรัฐอเมริกาที่มีผู้มีอำนาจเข้าร่วมงานเลี้ยงโดยไม่ใส่หน้ากากและไม่รักษาระยะห่าง ประชาชนเกิดความสงสัยว่าเพราะเหตุใดคนบางกลุ่มถึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎที่ตัวเองเป็นคนกำหนดขึ้นมา เหมือนปากว่าตาขยิบ (hypocrite) พูดอย่างทำอย่าง เป็นต้นแบบที่ไม่ดี ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ร่วมมือทำตามมาตรการเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อ แม้สิ่งเหล่านี้จะทำให้ชีวิตทุกคนไม่ปกติเหมือนแต่ก่อน แต่ทุกคนก็อดทน

.

(2)

วันที่ 13 ก.ค. 2563 ศบค.แถลงการณ์เรื่องมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม คือ ทหารอียิปต์ที่เดินใช้ชีวิตชิลๆที่จังหวัดระยองและเด็กลูกฑูตซูดานที่ไม่ได้ไปพักในสถานฑูตแต่ไปพักในคอนโดในกทม. ประเด็น คือ ผู้ติดเชื้อไม่ได้ถูกกักตัวอย่างใกล้ชิดตามมาตรการที่ตกลงกันไว้ หากพูดถึงเรื่องชนชั้นทางสังคม คนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มวีไอพี ทำให้มีข้อยกเว้นในการปฏิบัติ มีผู้สอบถามไปที่ศบค.เรื่องสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไป แต่ไม่ได้รับคำตอบ คนที่อยู่แถวนั้นต้องใช้ชีวิตด้วยความผวาว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อรายใหม่หรือไม่


เมื่อได้ฟังข่าวนี้ความคิดแรกที่เกิดขึ้นของคุณคืออะไร? รู้สึกอย่างไร?


ความเห็นของหมอ คือ การละเว้นให้แขกวีไอพีไม่ต้องกักแยกตัว 14 วันตามกติกาที่ตกลงไว้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาประชาชนร่วมมือกันแทบตายในการ Lockdown เพื่อไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ทุกคนได้รับผลกระทบ ตัวอย่างเช่น


. คนจำนวนมากขาดรายได้จากการที่ไม่มีงานทำ ไม่มีแม้แต่ข้าวให้กิน ต้องไปต่อแถวรอรับอาหารที่บริจาค บางคนเครียดจนฆ่าตัวตาย คนที่ยังเหลือบางส่วนป่วยเป็นโรคทางใจ เช่น โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล


. เงินแทบไม่มีแต่ต้องใช้ซื้ออุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากาก, เจลแอลกอฮอล์ ในราคาที่แพง บางช่วงของก็ขาด


. เด็กๆไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติ บางโรงเรียนให้เรียนออนไลน์ ทั้งครูและผู้ปกครองต้องเดือดร้อนเรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนออนไลน์เอง


. ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต้องใช้ชีวิตที่ฝืนกับธรรมชาติ เช่น ใช้ชีวิตอยู่แต่ที่บ้าน, ใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอก, แต่ละคนต้องแยกอยู่ห่างหลีกเลี่ยงการสัมผัสกัน

.

อยู่ดีๆความพยายามที่ทำกันมาทั้งหมดกำลังจะพังเพียงเพราะ “แขกวีไอพี” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง เพราะถ้ามีการระบาดเวฟ 2 ขึ้นมา ระบบการพยาบาลไม่น่าจะรองรับไหว (ที่ผ่านมาประชาชน/ภาคเอกชนบริจาคช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์กันเอง), ระบบเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้วจะดิ่งลงเหวไปเลย จนมีคนต้องเดือดร้อนมากมาย และเกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง ใครจะมาช่วยรับผิดชอบ?

.

เรื่องในวันนี้ทำให้ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่โกรธ ไม่พอใจ เหมือนถูกรัฐบาลทรยศ คำพูดทุกครั้งเหมือนจะดีแต่ความจริงจะเห็นว่า...(จงเติมคำในช่องว่าง) แม้รัฐบาลทำผิดซ้ำซากแต่ประชาชนยังให้โอกาสด้วยความหวังว่า “อะไรๆน่าจะดีขึ้น” อย่างน้อยยอดผู้ติดเชื้อจากในประเทศเป็นศูนย์ติดต่อกันมา 1 เดือนกว่า

.

ต่อไปเราจะใช้ชีวิตกันอย่างไรในเมื่อเราไม่สามารถเชื่อใจรัฐบาลได้อีกแล้ว

.

งั้นเรามาตั้งสติกันก่อนค่ะ!!!...มาจัดการอารมณ์ตัวเองให้สงบก่อน


-------------------------


== วิธีการรับมือเมื่อถูกคนที่เราไว้ใจทรยศหักหลัง ==


@ บอกอารมณ์ของตัวเองให้ได้


_ “การถูกทรยศ” ทำให้เกิดความรู้สึกได้หลายอย่างปนกัน เช่น โกรธ (anger), เศร้าเสียใจ (sadness), หวาดกลัว (fear), ขยะแขยง (disgust), โดดเดี่ยว (loneliness), สับสน (confusion)

.

@ อดทนอย่าไปตอบโต้คืนด้วยความรุนแรง


_ การที่เราถูกทรยศ มันคือการถูกทำร้ายรูปแบบหนึ่ง เรามักจะเคียดแค้นและอยากเอาคืนให้สาสม


_ การทรยศเหมือนการที่มีคนเอามีดมาเฉือนเนื้อเรา พอแผลเริ่มตกสะเก็ดเราจะคันและอยากแกะเกา ซึ่งการแกะเกาเหมือนการล้างแค้น ยิ่งเราไปแกะเกาแผลจะกลับมาเป็นซ้ำๆและอาจเป็นมากขึ้น แม้ว่าตอนที่เราทำจะรู้สึกดีแต่หลังจากนั้นเราจะกลับมาเจ็บอีกต่อไปเรื่อยๆ

.

@ ใช้เวลาเยียวยาจิตใจ


_ เมื่อเราถูกคนอื่นทรยศ วิธีที่จะช่วยในระยะสั้น คือ พยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอหรือไปรับรู้เรื่องของเค้าสักระยะหนึ่งก่อนเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เราไปสงบใจได้ง่ายขึ้น จะได้คิดออกว่าจะหาทางจัดการแก้ปัญหาอย่างไร หากไปเจอตอนที่ยังมีอารมณ์มากมีแต่จะเกิดผลเสีย เพราะจะมีการตอบโต้กันด้วยความรุนแรง ทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลาย

.

@ วิเคราะห์สาเหตุของการทรยศ


_ การที่คนเราไปทำร้ายอีกคนหนึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไม่ให้ความใส่ใจ, จงใจกลั่นแกล้ง ให้เราคิดดูว่าสาเหตุที่ทำให้เค้าทรยศเราเกิดจากอะไร เราจะให้อภัยเค้าได้มั้ย ซึ่งเรามีสิทธิที่จะเลือก

.

@ ทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนที่ทรยศเรา


_ หากคนที่ทรยศเป็นคนที่เรารักและไว้ใจมากเท่าไร ย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดทางใจมากเท่านั้น เราต้องมาทบทวนว่าต่อแต่นี้ไปเราจะให้ค่ากับความสัมพันธ์ของคนที่ทรยศเราได้แค่ไหน


_ ถ้าคนที่ทรยศทำเรื่องแย่ๆกับเราซ้ำๆ เราควรยุติความสัมพันธ์จะดีกว่า เพราะเค้าเป็นคนแบบนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนใครได้

.

@ คุยกันตรงๆกับคนที่ทรยศเรา


_ พูดเหมือนง่ายแต่ทำยาก วิธีการ คือ เมื่อเราเตรียมตัวพร้อม ให้ไปบอกเค้าว่าเรารู้สึกแย่มากแค่ไหนกับสิ่งที่เค้าทำกับเรา และสิ่งที่เค้าทำมันได้ทำลายความเชื่อใจจนไม่เหลือ ไม่ว่าปฏิกิริยาของเค้าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเราได้บอกความคิดความรู้สึกของเราไป จะได้ไม่มีอะไรติดค้าง


_ หากไม่กล้าที่จะไปพูดเผชิญหน้าตรงๆ อาจใช้วิธีอื่น เช่น พิมพ์ข้อความหาแล้วบล้อคไลน์ไป (ถ้าไม่อยากรับรู้ว่าเค้าจะตอบว่ายังไง), เขียนจดหมายที่จะส่ง/ไม่ส่งก็ได้

.

@ พยายามใช้ชีวิตต่อไป


_ในช่วงแรกการใช้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป และเราพยายามที่จะเยียวยาตัวเอง เช่น ไม่ไปยุ่งกับคนที่ทรยศเรา, พยายามเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆหาความสัมพันธ์ จิตใจเราจะค่อยๆดีขึ้น


_ แม้ตอนนี้จะยังเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร ยอมรับอารมณ์ที่เป็นอยู่


….


ตอนนี้หมอขอไปสงบสติด้วยการไปดู It,s okay not to be okay ก่อนนะคะ:((


Powered by Froala Editor

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH