ทั่วไทย
เกิดอะไรขึ้นกับ 'ลิเวอร์พูล' กับช่วงออกสตาร์ท 'พรีเมียร์ลีก' ซีซั่นใหม่

เกิดอะไรขึ้นกับ 'ลิเวอร์พูล' กับช่วงออกสตาร์ท 'พรีเมียร์ลีก' ซีซั่นใหม่

เกิดอะไรขึ้นกับ 'ลิเวอร์พูล' กับช่วงออกสตาร์ท 'พรีเมียร์ลีก' ซีซั่นใหม่

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงสนามไป 3 นัด ในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 ยังไม่ชนะใคร เสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัด มีเพียง 2 คะแนน รั้งอันดับ 16 ของตารางการแข่งขัน ถือเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์

จากผลงานอันน่าผิดหวังของ ลิเวอร์พูล ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยังไม่ชนะใครจาก 3 เกมแรกของซีซั่น และนับเป็นครั้งแรกในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ หงส์แดง ไม่ชนะ 3 นัดติดต่อกันในช่วงเปิดฤดูกาล อันดับตารางคะแนนตอนนี้ รั้งอยู่ที่ 16 ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยและไม่ใช่เรื่องปกติของ เครื่องจักรสีแดง แต่อย่างใด


จริงอยู่ที่ ลิเวอร์พูล เจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานทั้งตัวหลักและตัวสำรองลามไปยันดาวรุ่ง แถมล่าสุด นาบี เกอิต้า ก็กลายเป็นนักเตะรายที่ 10 ของทีมชุดใหญ่ ที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกคน ซึ่งนั่นส่งผลโดยตรงกับการจัดทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้


นอกจาก เกอิต้า แล้ว ลิสต์ผู้เล่นบาดเจ็บของ ลิเวอร์พูล ประกอบไปด้วย เคอร์ติส โจนส์, อิบราฮิมา โกนาเต้, โฌแอล มาติป, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลย, ดีโอโก้ โชต้า, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, แคลวิน แรมซี่ย์ และ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ที่ยังอยู่ในช่วงพักรักษาตัวทั้งหมด ขณะที่ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าตัวใหม่ก็ยังเหลือโทษแบนอีก 2 นัด


แม้ว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม มิดฟิลด์ชาวอังกฤษของ ดอร์ทมุนด์ จะยังคงเป็นนักเตะที่ คล็อปป์ อยากได้มาร่วมทีมมากที่สุด แต่มันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นในซัมเมอร์นี้ เพราะเขาเป็นเป้าหมายหลักในปีหน้ามากกว่า สอดคล้องกับ สกาย สปอร์ต ที่เปิดเผยว่า หงส์แดง จะไม่ซื้อแข้งใหม่เข้ามาเสริมทัพ หากไม่ใช่คนที่ทีมมองว่ามีคุณภาพ และคุ้มราคา รวมถึงมองว่าหากบรรดาแข้งที่ได้รับบาดเจ็บสลัดเดี้ยงกลับมาพร้อมใช้งาน ทีมก็จะมีผู้เล่นเพียงพอกับการใช้งาน

ในทางกลับกันผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ,ฮาร์วีย์ เอลเลียต รวมไปถึง แนท ฟิลลิปส์ ก็ได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้า เพราะหากผู้แกนหลักกลับมากันครบ โอกาสลงสนามของแข้งเหล่านี้ก็อาจลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ประกอบที่ทำให้ หงส์แดง ฟอร์มตกในช่วงต้นซีซั่น


เพราะหากมาดูที่สถิติและตัวเลขที่ออกมาจากเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นัดล่าสุด เป็นอีกเกมที่ ลิเวอร์พูล โดนคู่แข่งนำก่อน โดยนับเป็นเกมที่ 9 แล้วจาก 10 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ยกเว้นศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ หนล่าสุดอีกหนึ่งเหตุผลก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่เพราะหากย้อนไปในช่วงเวลาเดียวหันของ 2 ซีซั่นที่แล้ว


ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกสตาร์ทได้อย่างแจ่มแจ๋ว ซึ่งก็เป็นที่น่าสังเกตุเหมือนกันว่าพอ หงส์แดง ไม่มี ซาดิโอ มาเน่ มิติแนวรุกของ ลิเวอร์พูล อาจลดน้อยลงไป โดยในฤดูกาล 2020/21 ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทด้วยการ ยิง 9 ประตูจาก 3 นัด ส่วนซีซั่นต่อมา ฤดูกาล 2021/22 ลิเวอร์พูล ยิง 6 ประตูจาก 3 นัด ซึ่งทั้ง 2 ครั้งยังมี มาเน่ อยู่ในทีม


ที่มาภาพ : AFP


แต่สำหรับซีซั่นนี้พอไม่มี มาเน่ แล้ว หงส์แดง ยิงได้เพียง 4 ประตูจาก 3 นัด แถมยังไม่ชนะใคร ซึ่งปัจจัยอื่นนอกจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่ คล็อปป์ จะต้องแก้ก็คือการหากลยุทธ์และวิธีการเข้าทำใหม่ๆ ลูกสูตรจากการตั้งเตะเพื่อเพิ่มอาวุธให้กับ เร้ด แมชชีน ในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะได้ ดาร์วิน นูนเญซ เข้ามาเพิ่มความแตกต่างในตำแหน่งตัวจบสกอร์ไปแล้วก็ตาม


ด้าน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิลก็ออกมายอมรับว่า แท็คติกของ ลิเวอร์พูล เริ่มถูกบรรดาคู่แข่งแก้ลำและรับมือได้แล้ว หลังจากที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นในช่วง 3 แรก แถมยังไม่สามารถเก็บสถิติคลีนชีตได้เลย

“ทุกทีมที่ลงมาสู้กับเรา พวกเขารู้กันหมดแล้วว่าเราจะเล่นยังไง และพวกเขาพยายามใช้สิ่งนี้เล่นงานเรา วิธีการเล่นที่เราใช้ หลายครั้งมันได้ผล แต่บางครั้งเราก็โดนลงโทษ ซึ่งมันเกิดขึ้นได้"


จากสถิติอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก ในช่วง 3 แรก บ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่เล่นฟุตบอลไดเร็ค หรือการโยนข้ามแดนมากที่สุดด้วยจำนวน 208 ครั้ง และยังเป็นทีมที่มีโอกาสครอสบอลมากที่สุดด้วยจำนวน 70 ครั้ง ส่วนการผ่านบอลมาเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้้ เท่านั้นที่จำนวน 1998 ครั้ง


ในขณะที่โอกาสการจบสกอร์ หงส์แดง ก็ยังสร้างโอกาสได้มากมาย มีโอกาสจบไป 52 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก ซิตี้ ที่ทำได้ 54 ครั้ง ซึ่งจากตัวเลขที่ออกมา แม้ว่าจะมีโอกาสจบสกอร์มากมาย แต่กลับเปลี่ยนได้แค่ 4 ประตูเท่านั้น


การขาดหายไปของ มาเน่ อาจไม่ใช่ เหตุผลทั้งหมด ส่วนหลุยซ์ ดิอาซ อาจวูบวาบหวือหวา แต่หากเทียบความเคี่ยว เล่ห์เหลี่ยมยังเป็นรอง มาเน่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลากันต่อไป ส่วนเรื่องใจไม่ต้องพูดถึง กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของเหล่า เดอะ ค็อป ไปแล้ว


ประเด็นสุดท้ายนั่นก็คือของโชคหรือดวง ที่ก็ไม่รู้ว่ามันมีส่วนหรือเปล่า แต่จากสถิติ 3 เกมแรก หงส์แดง เป็นทีมที่ยิงชนเสาชนคาน มากที่สุด ณ เวลานี้ที่จำนวน 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากเปลี่ยน 3 โอกาสที่ชนเสาหรือคานมาเป็นประตู จะทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาชนะแต่อย่างใด


ถึงตรงนี้สรุปสั้นๆง่ายๆได้ใจความก็อย่าง อลิสซง บอก นั่นคือบรรดาคู่แข่งเริ่มจับแนวทางการเล่นของ หงส์แดง กันได้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นการบ้านของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ต้องไปปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ พร้อมกับภาวนาให้นักเตะแกนหลักหายเจ็บกลับมาให้เร็วที่สุด ที่ละคน สองคน ก็ยังดี


สำหรับนัดต่อไปของ ลิเวอร์พูล นัดที่ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีก จะเปิดแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ บอร์นมัธ ในวันเสาร์ ที่ 27 สิงหาคมนี้ เวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH