iPhone12 รองรับ5G ชิปอลังกล้องอย่างเทพ!

เมื่อวันอังคารที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา แอปเปิลประกาศเปิดตัว iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ทั้งหมด 4 รุ่น รองรับสัญญาณ 5G ทุกรุ่น ไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จ และหูฟัง EarPods เนื่องจากต้องการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

สำหรับ iPhone12 ครั้งนี้มากับเทคโนโลยี 5G ความโดดเด่นอยู่ที่เสาอากาศ และมี Smart Data Mode ปรับเปลี่ยนการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G ได้ รูปทรงเล็กกว่า บางกว่า เบากว่า เดิม ใช้ ship A14 Bionic , ดีไซน์แบบใหม่หมดพร้อมด้วย Ceramic Shield, CPU 6 Core ตัวเครื่องบางกว่า iPhone 11 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์,ระบบกล้องระดับโปร, สแกนเนอร์ LiDAR และจอภาพ Super Retina XDR ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone ,กล้อง 12MP zero waste, wireless charger, ไม่มีที่ชาร์จมาในกล่อง เนื่องจากต้องการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

เจาะสเปกกล้องทุกรุ่น งานนี้บอกเลยจัดเต็ม กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทุกตัว โฟกัสเร็วขึ้น ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น สามารถถ่าย Night Mode และถ่ายวิดีโอได้คมชัดมากขึ้น ด้านการชาร์จใช้วิธีชาร์จแบบ Magsafe เป็นการชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็ก กันน้ำลึกได้ถึง 6 เมตร นาน 30 นาที และป้องกันการโดนละอองน้ำ ชิป A14 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple เป็นขุมพลังขับเคลื่อนคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันน่าทึ่ง อย่าง Apple ProRAW แบบใหม่หมดที่ให้คุณควบคุมการสร้างสรรค์รูปภาพได้มากขึ้น

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสประสบการณ์วิดีโอแบบ Dolby Vision สูงสุด 60 fps ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนระบบกล้องโปรที่คิดขึ้นใหม่หมดนั้นมาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ที่กว้างสุดๆ, กล้องเทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัสสูงยิ่งขึ้นบน iPhone 12 Pro Max และกล้องไวด์ใหม่ที่สามารถเก็บบันทึกภาพและถ่ายวิดีโออันสวยงามด้วยคุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งในที่ที่สว่างจ้าและในสภาวะแสงน้อย ยิ่งกว่านั้น iPhone 12 Pro ยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ใหม่ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) ที่เต็มอิ่มสมจริง รวมถึง MagSafe ซึ่งมาพร้อมการชาร์จแบบไร้สายกำลังสูง และระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ที่ยึดติดกับ iPhone ได้ง่ายอีกด้วย

นอกจากนี้การออกแบบ iPhone 12 Pro ถูกคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดย iPhone 12 Pro จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้แร่โลหะหายากที่มาจากการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น ซึ่งรวมถึงกล้องใหม่, Taptic Engine และ MagSafe รวมถึงอุปกรณ์เสริม MagSafe ของ Apple ด้วย นอกจากนี้ Apple ยังนำอะแดปเตอร์แปลงไฟและ EarPods ออกจากบรรจุภัณฑ์ของ iPhone ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำเหมืองแร่และการใช้วัสดุมีค่า จึงทำให้บรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กลงและเบาลง และสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี

iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะมีให้เลือกระหว่างรุ่นความจุ 128GB, 256GB และ 512GB ในสีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู ราคาดังนี้

iPhone12 (6.1”) ราคาเริ่มต้น $799

iPhone 12 mini (5.4”) ราคาเริ่มต้น $699

iPhone 12 Pro (5.8”, 6.1”) ราคาเริ่มต้น $999

iPhone 12 Promax (6.5”, 6.7”) ราคาเริ่มต้น $1099

เริ่มเปิดจอง 16 ตุลาคม และวางจำหน่าย 23 ตุลาคม ในอเมริกา

ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยต้องรอประกาศอีกครั้ง

Powered by Froala Editor