Football
เดอบรอยน์พลาดโทษซะงั้น! แมนฯซิตี้ แบ่งแต้มหงส์แดง บิ๊กแมตช์ศึกพรีเมียร์ลีก (มีคลิป)

เดอบรอยน์พลาดโทษซะงั้น! แมนฯซิตี้ แบ่งแต้มหงส์แดง บิ๊กแมตช์ศึกพรีเมียร์ลีก (มีคลิป)

"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กินกันไม่ลงจบด้วยผลเสมอ ในเกมบิ๊กแมตช์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คู่ดึกเริ่มเตะเวลาไทย 23:30 น. เป็นเกมบิ๊กแมตช์ที่แฟนๆรอคอยของสัปดาห์นี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล

เริ่มเกมมาทั้งสองทีมต่างพยายามเปิดเกมรุกเร็วเข้าหาคู่ต่อสู้ แต่ยังไม่มีทีมใดมีจังหวะทำประตูแบบจะแจ้ง เกมผ่านไปแล้ว 10 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0


หลังจากนั้นอีก 1 นาที ทีมเยือนได้จังหวะครองบอลทำเกมบุกก่อนเป็น ซาดิโอ มาเน่ พยายามเลี้ยงบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วโดน ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้ามาสกัดจากด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่จะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ส่งให้ ลิเวอร์พูล บุกนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0


นาทีที่ 25 จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม โดน เควิน เดอ บรอยน์ ตัดบอลได้ ก่อนทำชิ่งกับ โรดรี้ แล้วเป็นจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลก่อนเลี้ยงขึ้นมาทางด้านขวา แล้วครอสบอลไปหน้าปากประตูให้ ราฮีม สเตอร์ลิง จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนพยายามยิงแต่บอลไปติดเซฟ อลีสซง เบ็คเกอร์


หลังจากนั้นอีก 6 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นเดินหน้าครองบอล ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้บอลทางด้านขวา ก่อนจ่ายไปหน้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้จังหวะแทงบอลทะลุช่องให้ กาเบรียล เชซุส พลิกบอลหลบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะได้ยิงโล่งๆเข้าประตูไป ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามตีเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1


นาทีที่ 39 เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนพยายามเปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ บอลไปโดนแขนของ โจ โกเมซ ก่อนออกหลังไป ผู้ตัดสินยังไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่ วีเออาร์ จะเช็กจังหวะดังกล่าวแล้วให้ ผู้ตัดสินไปดูที่จอเอง ก่อนจะชี้เป็นจุดโทษแล้วทางฝั่งของ เควิน เดอ บรอยน์ รับหน้าที่ยิงบอลหลุดเสาออกไปแบบน่าเสียดาย


นาทีที่ 44 ทีมเยือนได้จังหวะโต้กลับ ก่อนเป็น ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลเลี้ยงขึ้นมาทางฝั่งซ้าย แล้วตัดเข้ากลางแต่ไม่มีจังหวะยิง จึงเลือกจ่ายต่อไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พักบอลหนึ่งจังหวะก่อนไหล่ออกด้านขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งเข้ามายิงเต็มๆบอลลอดขาของ เอแดร์ซอน เกือบจะเข้าประตู แต่ เอแดร์ซอน ยังตามไปรับได้ทัน


หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1


เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 48 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้บอลมาทางด้านซ้าย ก่อนพยายามกึ่งยิงกึ่งเปิดเข้ามาแล้วเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ พยายามเข้าไปยิงแต่โดน เอแดร์ซอน ตัดบอลออกมาได้ก่อน


นาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ชูเอา กันเซโล่ ได้บอลทางด้านซ้าย ก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วตัดสินใจเปิดบอลไปหน้าปากประตู ก่อนเป็น กาเบรียล เชซุส ที่สอดขึ้นมาจากตำแหน่งที่ไม่ล้ำหน้าก่อนพยายาฒโหม่งสบัดแต่บอลหลุดกรอบออกไป


หลังจากนั้นทั้งสองทีมต่างพยายามครองบอลเพื่อหวังทำเกมรุกแต่ส่วนใหญ่มักจะไปเสียบอลแถวพื้นที่สุดท้าย เกมผ่านไปแล้ว 75 นาที สกอร์ยังคงเดิมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1


ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งกันทีมละแต้ม ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" มีเพิ่มเป็น 12 แต้ม จาก 7 นัด รั้งอันดับ 11 ขณะที่ฝั่ง"หงส์แดง" รั้งอันดับ 3 มี 17 แต้ม จาก 8 เกม


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ (4-3-3) : เอแดร์ซอน ; ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมอริก ลาป๊อร์ก, ชูเอา กันเซโล่ ; เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้,อิลคาย กุนโดกัน ; ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, เฟร์ราน ตอร์เรส (แบร์นาโด้ ซิลวา น.61)

ลิเวอร์พูล ระบบ (4-2-2-2) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.63), โฌเอล มาติป, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ ; โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (เชอร์ดาน ชากิรี่ น.59),ดิโอโก้ โชต้า

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH