ลิเวอร์พูลล่าชัยทวงจ่าฝูงบู๊แมนยูขอเฮฉีกหนี

วันนี้ ( 17 มกราคม 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 18 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ลงทำการแข่งขันเวลา 23.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล HD 1 (600)

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

19/01/20 ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

20/10/19 แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

24/02/19 แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

16/12/18 ลิเวอร์พูล 3-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

29/07/18 แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล (ไอซีซี คัพ)

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล

09/01/21 ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-1 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

03/01/21 แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

30/12/20 เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

27/12/20 เสมอ เวสต์บรอมวิชฯ 1-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

19/12/20 ชนะ คริสตัล พาเลซ 7-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

แมนฯ ยูไนเต็ด

13/01/21 ชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

10/01/21 ชนะ วัตฟอร์ด 1-0 (เหย้า, เอฟเอ คัพ)

07/01/21 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-2 (เหย้า, ลีก คัพ)

01/01/21 ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

29/12/20 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

ความพร้อมล่าสุด

ลิเวอร์พูล

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันพา "หงส์แดง" พลาดท่าพ่ายเซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ในเกมลีกนัดล่าสุดทำให้ไม่ชนะใครในลีกมา 3 เกมติดต่อกันจนล่าสุดหล่นมารั้งที่ 3 หลังเลสเตอร์เก็บชัยได้เมื่อคืนวันเสาร์

ความพร้อมเกมนี้ยังคงขาดตัวหลักที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ทั้งเฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, ดีโอโก้ โชต้า และ นาบี เกอิต้า รวมทั้งต้องรอเช็กความฟิต โฌเอล มาติป อีกหนึ่งกองหลังที่เจ็บกล้ามเนื้อขาเพิ่งกลับมาซ้อมได้

การจัดทัพหามาติปไม่พร้อมน่าจะส่งรีส วิลเลี่ยมส์ มายืนเซนเตอร์คู่กับฟาบินโญ่ โดยขยับเอาจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขึ้นไปเล่นแดนกลางร่วมกับ ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วนสามประสานเกมรุกยังคงเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเอร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป (รีส วิลเลี่ยมส์), ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

แมนฯ ยูไนเต็ด

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือนอร์วีเจี้ยนพา "ปีศาจแดง" บุกชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 ในเกมลีกนัดตกค้างกลางสัปดาห์ทำให้ไร้พ่ายในลีก 11 เกมติดชนะถึง 9 เกมแซงลิเวอร์พูลขึ้นเป็นจ่าฝูงนำ 3 แต้มแต่ประตูได้เสียเป็นรอง 6 ลูก

ความพร้อมเกมนี้ไม่มีแข้งหลักบาดเจ็บหรือติดโทษแบนนอกจาก ฟิล โจนส์ ปราการหลักจอมเดี้ยงที่เจ็บยาวมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วรวมทั้งเช็กความฟิต อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช

การจัดทัพเกมนี้จะกลับมาใช้ เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เป็นคู่กองกลางอีกครั้งหลังนั่งสำรองเกมลีกล่าสุดแล้วขยับ ปอล ป็อกบา ที่กำลังฟอร์มดีขึ้นไปเล่นเกมรุกร่วมบรูโน่ แฟร์นันด์ส และ มาร์คัสแรชฟอร์ด ส่วนหน้าเป้าถ้า มาร์กซิยาล ไม่พร้อม เอดิสัน คาวาานี่ จะได้เสียบแทน

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา ; อารอน วาน-บิสซาก้า, เอริก ไบยี่, แฮร์รี่ แม็คไกว์ร, ลุค ชอว์ ; สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด ; ปอล ป็อกบา, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด ; อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (เอดิสัน คาวานี่)

True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน

ลิเอวร์พูลสะดุดมาต่เนื่องก็จริงแต่เป็นเกมเยือนซะเป็นส่วนใหญ่เกมในแอนฟิลด์พวกเขาเล่นได้แกร่งมาไม่แพ้ใครมากว่า 3 ปีแล้วแม้เกมนี้แนวรับยังต้องปรับนักเตะลงเล่นแต่น่ากังวลกว่าคือเกมรุกที่ช่วงหลังฝืดลงไปเยอะ ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดฟอร์มแรงต่อเนื่องก็จริงแต่ก็แทบไม่มีเกมใหญ่อีกทั้งโซลชามักคิดเยอะยามเจอทีมใหญ่จนพ่ายมาบ่อยครั้งดูแล้วเกมนี้คล็อปป์ที่แท็กติกเพียบพร้อมกว่าอีกทั้งระบบทีมก็ดีกว่าน่าจะบดเอาชนะทวงจ่าฝูงกลับคืนได้

ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1