เลสเตอร์เต็มสูบขอเฮขึ้นรองฝูงบู๊ลิเวอร์พูลหวังกู้ฟอร์มกู้ชัย

วันนี้ ( 13 กุมภาพันธ์ 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 24 "จิ้งจอกน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงทำการแข่งขันเวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ทรูพรีเมียร์ฟุตบอล เอชดี 1 (600)

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

23/11/20 ลิเวอร์พูล 3-0 เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีก)

27/12/19 เลสเตอร์ 0-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

05/10/19 ลิเวอร์พูล 2-1 เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีก)

31/01/19 ลิเวอร์พูล 1-1 เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีก)

01/09/18 เลสเตอร์ 1-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

เลสเตอร์

11/02/21 ชนะ ไบรท์ตัน 1-0 (เหย้า, เอฟเอ คัพ)

07/02/21 เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

03/02/21 ชนะ ฟูแล่ม 2-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

31/01/21 แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-3 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

27/01/21 เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

ลิเวอร์พูล

07/02/21 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

03/02/21 แพ้ ไบรท์ตัน 0-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

31/01/21 ชนะ เวสต์แฮม 3-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

28/01/21 ชนะ สเปอร์ส 3-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

25/01/21 แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

ความพร้อมล่าสุด

เลสเตอร์ ซิตี้

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ "สุนัขจิ้งจอก" พาทีมทำผลงานเยี่ยมต่อเนื่องล่าสุดบุกเสมอวูล์ฟส์ 0-0 ในลีกต่อด้วยเชือดไบรท์ตัน 1-0 ในถ้วยเอฟเอ คัพทำให้ไม่แพ้ใคร 3 นัดทุกรายการเก็บคลีนชีตทุกเกม โดยในลีกรั้งที่ 3 ตามหลังแมนยูอันดับสองอยู่สองแต้ม

คามพร้อมเกมนี้ยังขาดทิโมธี กาสตานเญ่, เดนนิส แพรต และ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ ล่าสุดหมดสิทธิ์ใช้งาน เจมส์ จัสติน ปราการหลังตัวเก่งทุกเกมที่เหลือในซีซั่นนี้หลังเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าต้องเข้ารับการผ่าตัด

การจัดทัพจะส่งคริสเตียน ฟุ๊คส์ ยืนแบ๊กซ้ายแทน จัสติน ส่วนขุมกำลังอื่นยังคงยึดแกนหลักอย่างจอนนี่ อีแวนส์, ยูริ ตีเลอมันส์,เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เจมี่ วาร์ดี้ นำทัพเหมือนเดิม

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ; ริคาร์โด้ เปไรร่า, จอนนี่ อีแวนส์, คลาการ์ โซยุนคู, คริสเตียน ฟุ๊คส์ ; ยูริ ตีเลอมันส์, วิลฟรีด เอ็นดิดี้ ; มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ; เจมี่ วาร์ดี้

ลิเวอร์พูล

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันพา "หงส์แดง" แพ้ แมนฯ ซิตี้ คาบ้าน 1-4 เป็นการปราชัย 2 เกมติดอีกครั้งหลังก่อนหน้านี้แพ้ ไบรท์ตัน 0-1 จนหลุ่นมารั้งที่ 4 ตามหลัง เรือใบสีฟ้า ถึง 10 แต้มและแข่งมากกว่า 1 นัด

ความพร้อมเกมนี้ยังขาด 3 เซนเตอร์ตัวหลักทั้งเฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ และ โฌเอล มาติป ที่เจ็บจนต้องพักยาว ขณะที่ นาบี เกอิต้า กับ ดีโอโก้ โชต้า สองกองกลางอยู่ในช่วงเรียกความฟิต

การจัดทัพคาดว่าคล็อปป์ยังคงให้จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงยืนเซนเตอร์ต่อไปโดยคู่ขาอาจเป็นเนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ หรือ โอซาน คาบัค กองหลังคนใหม่ ส่วนตำแหน่งอื่นๆไม่เปลี่ยนแปลงติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่พร้อมออกสตาร์ต

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เจมส์ มิลเนอร์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน

ผลงานช่วงนี้เลสเตอร์ดีกว่าชัดเจนแต่โดยรวมเกมรุกยังไม่ค่อยเด็ดขาดเกมรับก็น่าจะเริ่มมีปัญหาหลังต้องขาด เจมส์ จัสติน ไปอีกคร ขณะที่ลิเวอร์พูลขาดความมั่นใจชัดเจนอีกทั้งดนกลางขาดความแน่นอนไปเยอะหลังต้องถอยกัปตันเฮนโด้ไปยืนเซนเตอร์เกมนี้เชื่อว่า"หงส์แดง" จะเป็นฝ่ายครองบอลบุกตามสไตล์ส่วนเจ้าถิ่นรอสวนงานถนัดแต่ยังเชื่อมั่นในคล็อปป์น่าจะกระตุ้นลูกทีมทีมกลับมาได้หลังได้พักช่วงกลางสัปดาห์

เลสเตอร์ แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2