อิตาลีรออยู่! อังกฤษทัพใหญ่ล่าชัยดวลเดนมาร์กหวังล้มยักษ์เข้าชิง

วันนี้ ( 7 กรกฎาคม 64 ) ศึกฟุตบอลฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ ที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ประเทศอังกฤษ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ลงสนามพบ "โคนม" เดนมาร์ก ลงทำการแข่งขันเวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต เอชดี 3 (668)

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

15/10/20 อังกฤษ 0-1 เดนมาร์ก (เนชั่นส์ ลีก)

09/09/20 เดนมาร์ก 0-0 อังกฤษ (เนชั่นส์ ลีก)

06/03/14 อังกฤษ 1-0 เดนมาร์ก (กระชับมิตร)

10/02/11 เดนมาร์ก 1-2 อังกฤษ (กระชับมิตร)

18/08/05 เดนมาร์ก 4-1 อังกฤษ (กระชับมิตร)

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

อังกฤษ

03/07/21 ชนะ ยูเครน 4-0 (สนามกลาง, ยูโร 2020)

29/06/21 ชนะ เยอรมัน 2-0 (เหย้า, ยูโร 2020)

22/06/21 ชนะ เช็ก 1-0 (เหย้า, ยูโร 2020)

18/06/21 เสมอ สกอตแลนด์ 0-0 (เหย้า, ยูโร 2020)

13/06/21 ชนะ โครเอเชีย 1-0 (เหย้า, ยูโร 2020)

เดนมาร์ก

03/07/21 ชนะ เช็ก 2-1 (สนามกลาง, ยูโร 2020)

26/06/21 ชนะ เวลส์ 4-0 (สนามกลาง, ยูโร 2020)

21/06/21 ชนะ รัสเซีย 4-1 (เหย้า, ยูโร 2020)

17/06/21 แพ้ เบลเยียม 1-2 (เหย้า, ยูโร 2020)

12/06/21 แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 (เหย้า, ยูโร 2020)

ความพร้อมล่าสุด

อังกฤษ

แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทัพ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษพาทีมทำผลงานยอดเยี่ยมเอาชนะยูเคนมาขาดลอย 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศทำให้ยังไม่แพ้ใครตลอดทัวร์นาเมนต์แถมยังไม่เสียประตูเลย

ความพร้อมเกมนี้ได้ตัว บูคาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งอาร์เซน่อลฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกหลังพลาดเกมล่าสุด ส่วนตำแหน่งอื่นๆสมบูรณ์สุดขีดไม่มีใครเจ็บหรือติดโทษแบน

การจัดทัพเกมนี้ยังคงยึกทีมตัวจริงจากเกมล่าสุดโดยเกมรุกยังคงให้เจดอน ซานโช่ ปั้นเกมรุกร่วมกับ เมสัน เม้าน์ท และ ราฮีม สเตอร์ลิง สนับสนุน แฮร์รี่ เคน หัวหอกตัวเป้า ส่วนคู่กลางยังคงเป็นคัลวิน ฟิลลิปส์ กับ เดแคลน ไรซ์ โดยมีจอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวสอดแทรก ขณะที่เกมรับยังใช้ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ ลุค ชอว์ เหมือนเดิม

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-2-3-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด ; ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ ; คัลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน) ; เจดอน ซานโช, เมสัน เม้าน์ท, ราฮีม สเตอร์ลิง ;- แฮร์รี่ เคน

เดนมาร์ก

คาสเปอร์ ฮูลมันด์ กุนซือ"โคนม" ทีมชาติเดนมาร์กพาทีมมาถึงรอบนี้ได้แบบเซอร์ไพร์สหลังออกสตาร์รอบแบ่งกลุ่มด้วยความปราชัย2นัดแกรแต่มาเร่งฟอร์มถล่มรัสเซียในเกมสุดท้ายเข้ารอบ 16 ทีมไปชนะเวลส์ 4-0 ต่อด้วยเชือดเช็ก 2-1 ในรอบ 8 ทีม

ความพร้อมเกมนี้หมดสิทธิ์ใช้บริการ คริสเตียน เอริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการวูบจากเกมนัดแรกและหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดทัวร์นาเมนต์เพียงคนเดียวเท่านั้นหลังยุสซุฟ โพลเซ่น กองหน้าหายเจ็บกลับมาซ้อมได้แล้ว

การจัดทัพยังคงยึดทีมตัวจริงจากเกมล่าสุดลงเล่นต่อไปทำให้คาสเปอร์ โดลเบิร์ก ได้ยืนหน้าเป้าแทนโพลเซ่น ต่อไปโดยมีมาร์ติน เบรธเวท กับ มิคเคล ดัมส์การ์ด สนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลัง ส่วนแดนกลางมีปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กับ โธมัส เดอลานี่ย์ คุมแดนกล่ง ขณธที่เกมรับยังวางจอมเก๋าซิมง เคียร์ กัปตันทีมยืน 3 เซนเตอร์กับอันเดรียส คริสเตนเซ่น และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด

ระบบ (3-4-3) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ; อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมง เคียร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ; เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซ่น, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, โธมัส เดอลานี่ย์, โยอาคิม เมห์เล่ ; มาร์ติน เบรธเวท, คาสเปอร์ โดลเบิร์ก, มิคเคล ดัมส์การ์ด

True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน

เดนมาร์กมาเล่นแบบไร้ความกดดันแถมพกความมั่นใจมาแบบสุดๆ ขณะที่อังกฤษเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแต่เชื่อว่าเกมนี้ไม่โหมบุกเน้นครองบอลเอาชัวร์เหมือนเดิมคอยโจมตีเร็วจากริมเส้นซึ่งมองว่าเกมนี้น่าจะเล่นแบบชวนง่วงเน้นความรัดกุมทั้งคู่แต่ถ้ามีประตูเกิดขึ้นความมันตามมาแน่นอนดูแล้ว"สิงโตคำราม" มีอาวุธหนักมากกว่าแถมมีทีเด็ดจากม้านั่งสำรองน่าบดเอาชนะได้แต่ต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อย

อังกฤษ ชนะ เดนมาร์ก 1-0