"ปั้นจั่น" เปิดใจความรักสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อายุห่าง 10 ปี พบรักในโซเชียล

เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ สำหรับนักแสดงหนุ่ม ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย ที่ตอนนี้เปิดตัวกำลังดูใจสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่อายุห่างกัน 10 ปี โดยหนุ่ม ปั้นจั่น เผยว่าความรักครั้งนี้เกิดในช่วงโควิด-19 เจอกันในโซเชียล

พร้อมกับหนุ่ม "ปั้นจั่น ปรมะ" ยังบอกอีกว่าแฟนสาวต้องไปเรียนต่อ ไม่กังวลความรักระยะไกล รับเข้าใจว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อย และยังต้องไปเจอโลกอีกเยอะ เผยต่อว่าที่พาเจอคุณแม่นั้นเป็นปกติ เป็นมารยาท และอยากให้น้องเขารู้สึกปลอดภัย

เรื่องความรักเป็นยังไงบ้างกำลังอินเลิฟ?

"อินเลิฟไหมเหรอ มันไม่ได้คลั่งรัก คนเดี๋ยวนี้ชอบใช้คำว่าคลั่งรัก ผมเฉยๆ มันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหนเหมือนกัน ผมเองปีนี้ก็อายุเยอะแล้ว ก็มองความรักไปอีกมุมนึงแล้วแหละ ตอนนี้ทำงานซ้อมกีฬาแล้วคนข้างๆ เข้าใจ จบแล้ว ไม่ได้มีอะไรหวือหวา"

ไปเจอกันได้ยังไง? "ก็ช่วงโควิดในโซเชี่ยลอ่ะแหละ เราก็ไปกดไลก์รูปสาวๆ ก็ฟอลโลว์เขาไป เขาก็ฟอลโลว์กลับมา ก็เลยทำความรู้จักกัน เขาเป็นผู้หญิงเก่งเป็นผู้หญิงสตรองทัศนคติดีเข้าใจเรา คือผมต้องบอกว่า พอเราอธิบายความเป็นตัวตนของเรา แล้วก็บอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ณ วันนี้เวลาของเราทำงาน ซ้อมกีฬา เพราะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราตั้งใจมุ่งมั่นมากช่วงนี้ พอเขาเข้าใจตรงนี้ทุกอย่างมันก็ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวน้องเขาก็ต้องไปเรียนต่อครับ มันก็จะเป็นอีกแชปเตอร์หนึ่งที่พิสูจน์กันว่าเราจะประคองความสัมพันธ์นี้ไปได้นานได้ไหม"

มีความกังวลไหมถ้าต้องห่างกันต้องเป็นรักทางไกล?

"ไม่ได้กังวลนะ ผมบอกเขาเสมอว่าเรื่องที่เขายังอายุน้อย เขายังต้องไปเจอโลกอีกเยอะ ต้องไปเรียนหนังสือต้องไปเจอคนโน้นคนนี้อีกเยอะ ไม่ใช่เราไม่ห่วงเขาไม่รักเขานะ แต่ผมค่อนข้างเข้าใจชีวิตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในเรื่องของความรักพอสมควร คือถ้าเขาไปเจอใครหรือคนที่ดีกว่าเหมาะสมกว่าเราก็คงเสียใจแหละ แต่ว่ามันจะจากกันด้วยความเข้าใจมากกว่า คือผมโตพอที่จะมูฟออนได้

เรื่องความรักมันสำคัญในอายุขนาดนี้ แต่ว่าเข้าใจ ณ วันนี้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่โกรธความไม่เครียด เพราะที่ผ่านมาเราเจอมาเยอะแล้ว ณ วันนี้เราต้องมีความสุขกับทุกวัน ตื่นนอนมาเราคิดแบบนี้ตลอด ต้องเตือนสติตัวเอง เพราะว่าเป็นคนที่คิดเยอะแล้วมันก็ทุกข์ไม่มีความสุขไม่อยากเจอใคร แต่ตอนนี้มันทำงานเล่นกีฬามันก็ช่วยได้เยอะ แล้วพอเจอคนที่เข้าใจด้วยก็โอเค"

คบกันมามีปัญหาหรืออุปสรรคบ้างไหม?

"ที่จริงไม่มีเลย เพราะว่ามันคือความเข้าใจล้วนๆ เลยในเรื่องของอายุ ณ วันนี้โลกมันไปไหนต่อไหนแล้ว มันค่อนข้างหลากหลายมากๆ เพราะฉะนั้นเรื่องอายุมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ อยู่ที่ความเข้าใจและเวลาเหมาะหรือเปล่าพอดีกันหรือเปล่ายอมรับซึ่งกันและกันได้หรือเปล่า ก็เลยไม่มีปัญหา มันก็มีบางอย่างที่รับไม่ได้แต่เราผ่านมาเยอะก็รู้สึกว่าถ้าเรารับไม่ได้เราก็เลือกที่จะข้ามไปสิ ไปมองในส่วนที่ดีส่วนที่เราชอบของเขา หรือปรับกันได้ไหม ถ้าปรับไม่ได้ถ้าเราอยากจะอยู่กับเขาเราก็ต้องรับเขา เขาอยากจะอยู่กับเราเขาก็ต้องรับเราให้ได้"

กับคนนี้ใช้เวลานานไหมที่จะเริ่มคุยกัน จนมาเป็นแฟนกัน?

"ไม่นาน คือแต่ก่อนเข้าใจว่าต้องดูกันนาน ณ วันนี้ไม่มีกฎอะไรตายตัวแล้ว แค่รู้สึกว่าเวลามันเหมาะสมจังหวะเวลาคุยกันคลิกกัน แต่ต้องบอกคนรอบนอกก่อนว่าคาดหวังว่าความรักของดารามันจะต้องซัคเซส มันจะสวยงาม มันไม่ใช่ มันก็เหมือนทุกคนแหละมีลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวอะไรกันบ้าง แต่ว่าผมก็แก้ไขกันไป แต่ถามว่าอยากให้จบลงที่สมบูรณ์ไหมแน่นอนว่าทุกคนอยาก แต่เราเดาอนาคตไม่ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ณ วันนี้ค่อนข้างนิ่งพอสมควร อาจจะด้วยอายุด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เลยไม่ได้มีความหวือหวาอะไรในเรื่องที่ไม่ควรกังวล เช่น ไปเจอคนโน้นคนนี้แล้วไปเจ้าชู้ใส่ มันไม่มี"

เห็นว่าพาไปเจอคุณแม่แล้ว? "ก็พาเจอคุณแม่ เพราะว่าเวลาผมมีสาวผมก็จะพาเจอคุณแม่ก่อน คือไม่ใช่ว่าผ่านด่านแม่หรืออะไร ก็เป็นมารยาทแล้วน้องเขาก็ยังเด็กด้วย เราก็พาเจอคุณแม่ให้เขาเห็นแม่ เขาก็จะได้รู้สึกว่าอยู่กับเราปลอดภัยนะ เราไม่ได้พาไปทำระยำตำบอน (หัวเราะ) เข้าใจไหมแล้วเราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วย ที่จริงเราก็เหมือนเป็นพี่ชายเพราะเราโตกว่าเขาเยอะเป็น 10 ปี"

คุณแม่โอเคไหมเพราะคนไทยอาจจะติดด้วยเรื่องของภาพลักษณ์ความเฟียร์ซ? "คือที่จริงมันก็มีบ้าง แต่ว่าด้วยความที่คุณแม่เป็นคนที่ค่อนข้างตามโลกทัน ทันสมัย เขาก็จะบอกว่ารอยสักอะไรอย่างนี้มันไม่สามารถตัดสินคนเราได้ว่าจะเป็นคนยังไง ลูกชายเขาก็มีรอยสัก คุณแม่เขาก็ปรับตัวค่อนข้างดี เพราะเขาก็ผ่านวัยผมมาเยอะ ผมก็ดีใจที่เรามีคุณแม่ที่ปรับตัวได้ทันสมัยมีความคิด คือบางทีเขาก็ยังยึดติดสมัยก่อนแหละแต่เขาก็พร้อมที่จะรับฟังและปรับตัว"