"ทิดสมปอง" แจงดราม่า โต้หิวเงิน หลัง "ติ๋ม ทีวีพูล" เปิดใจจุดแตกหัก!!

โดย "ติ๋ม ทีวีพูล" ระบุว่า "ทิดสมปอง" เป็นคนเดินเข้ามาหาเอง ซึ่งตนเองไม่ได้ไขว่คว้า หรือไปเรียกเขามา "ทิดสมปอง" เข้ามาโดยที่ตนเองไม่ได้หวังจะให้มาช่วยอะไร ซึ่งเขาเป็นเหมือนลูกนกไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งที่บ้านของตนเองนั้นมีห้องว่างเยอะ ซึ่งก็ให้พักได้ โดยต้องปรับปรุงนิดหน่อย ซึ่งมีหลายคนเป็นห่วง และติดต่อมาหา เพราะตนเองใจอ่อนกลัวจะถูกหลอก ซึ่งตนเองก็บอกไม่เป็นไร ซึ่งการรีโนเวทบ้านหมดเงินไปเกือบล้านบาท เพราะทิดสมปอง บอกว่า อยากใช้ข้างบ้าน เป็นสำนักงานสไตล์ลอฟท์ ซึ่งธุรกิจต่างๆ ทิดสมปอง คิดไว้เยอะมาก ซึ่งตนเองก็ได้เตือนไปว่าให้คิดทีละเรื่อง เดี๋ยวจะทำไม่ทัน

หลังจากที่ "ทิดสมปอง" เข้ามาในบ้านแล้ว บอกว่า ไม่มีเสื้อผ้า ตนเองจึงติดต่อ "นายบุญเกียรติ โชควัฒนา" ว่าจะให้ทิดสมปองไปเลือกเสื้อผ้า แต่นายบุญเกียรติ ก็ให้เสื้อผ้ามาเป็นของขวัญ 3 ชุดใหญ่ๆ ให้เลือก วันนั้นก็เสียเงินค่าเสื้อผ้าไป 8 หมื่นบาท และซื้อเพิ่มอีกกว่า 3 หมื่นบาท หมดไปร่วมๆ หลักแสนบาท ซึ่งเรื่องเงินก็มีประมาณนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกเสียใจมาก

"ติ๋ม ทีวีพูล" คิดว่า สิ่งที่ทำให้ "ทิดสมปอง" ไม่พอใจมากๆ คิดว่าเป็นเรื่องที่ทิดสมปอง ทะเยอทะยาน อยากจะรวยเร็วๆ ซึ่งตนเองก็บอกว่าต้นไม้ เวลาจะปลูกกว่าจะได้ผลมันต้องใช้เวลา ทุกอย่างต้องค่อยๆเติมโต แต่ทิดสมปองอาจจะไม่เข้าใจ เพราะมีคนถวายให้มาตลอด

นอกจากนี้ "ทิดสมปอง" ยังมาพร้อมกับปัญหาใหญ่อย่าง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องมีรายการต่างๆขึ้นมา คือ "ทิดสมปอง" บอกว่า มีหนี้มาซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจาก การลงทุนทำสวนยางพาราให้ครอบครัว ซึ่ง ณ ตอนนั้น "ทิดสมปอง" บอกกับตนเองว่า มีหนี้ทั้งหมด 10 ล้าน 9 แสนบาท ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ตกใจมาก ว่าคนเป็นพระทำไมมีหนี้เยอะขนาดนี้ "ทิดสมปอง" ก็ได้อธิบายว่า อยากกตัญญูกับครอบครัว จึงซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นที่ สปก. ไล่ซื้อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ 300 ไร่ เพื่อจะทำยางพารา แต่ทำไมได้ เพราะทำยางพาราไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากทำไม่ได้ ก็พยายามที่จะขายที่ แต่ขายไม่ได้ ทำให้หนี้พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนที่ซื้อที่ดินเหล่านั้น นายสมปอง บอกว่า ใช้เงินนอกระบบซื้อ ทำให้มีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนเจอดอกเบี้ยเดือนละสามแสน

"ติ๋ม ทีวีพูล" เผยต่ออีกว่า จุดแตกหักที่เกิดขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องเงิน เพราะเงินเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เพราะคิดว่าตนเองนั้น ทำเหมือนแม่ทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่บกพร่องของความเป็นแม่ เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างขออโหสิหมด เมื่อวานนี้ นายสมปอง มาเก็บของออกจากบ้านไปทั้งหมด ทิ้งไว้อยู่อันเดียวคือ รูปของตนเอง ซึ่งมาเก็บของโดยไม่บอก และไม่ได้มาลาตนเองด้วย

ถามว่าก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์อะไรก่อนที่เขาจะออกมา "ติ๋ม ทีวีพูล" กล่าวว่า เขาคุยเรื่องเงินเยอะ และคุยกับเพื่อนที่ทำออนไลน์และทำแบรนด์ ซึ่งตนแนะว่าต้องดูให้ดี ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ตั้งการ์ดไว้ก่อน ซึ่งอาจจะฟังแล้วไม่สบายหูสำหรับเขา แต่มหาสมพงษ์กับมหาณภัทรยังอยู่กับเรา คงจะมีพระสงฆ์เข้ามาเพิ่มเติมเพราะยังมีพระสงฆ์ที่มีจิตใจดีอีกเยอะ

ส่วนบ้านหลังนี้คงไม่ให้ใครเข้ามาอยู่อีกแล้ว เพราะบ้านนี้สำหรับตระกูลสกุลไชย และทีวีพูล ไม่มีนครไธสงแน่นอน แต่ตนไม่ได้โกรธ เพราะหนึ่งคืนผ่านไปทำให้เราได้คิด มีสติ ถ้าโกรธก็ทำร้ายเผาผลาญตัวเอง ตอนเข้าไปเห็นก็ช็อก เขาไม่ลาอะไรเราเลย เขากล้าทำอย่างนี้ได้ยังไง เขาคงคิดว่าจะหาปีกอินทรีที่มันใหญ่กว่านี้ได้ ตามความฝันของเขาว่าจะมีเงิน 100 ล้านบาทภายใน 2 เดือน ซึ่งตนเห็นว่าในแง่ธุรกิจเป็นไปไม่ได้ คงไม่ใช่ธุรกิจปกติ และตนไม่ให้ใครไปยุ่งกับธุรกิจสีเทา คนมีแสงมีทางเลือกเยอะแยะ แต่เผอิญตนไม่ได้เรียกเขามา เขาเป็นคนเดินเข้ามาเอง เขาขอเองว่าจะมาอยู่บ้านหลังนี้ ตนคิดแต่เรื่องกุศลอย่างเดียว

ในตอนท้ายๆ ผู้ก่อตั้งทีวีพูลฝากถึง "ทิดสมปอง" ว่า ข้อแรก เรื่องไวน์ แอลกอฮอล์ อย่าดื่มหนักเพราะเสียสุขภาพ และทำลายเสียง เรื่องผู้หญิง คนเป็นพระมา 30 ปีอยากให้เกียรติผู้หญิง เขาชอบกอดผู้หญิงคนโน้นคนนี้ ซึ่งผู้หญิงบางคนเขาถือจะเป็นข่าวใหญ่ และเรื่องคบเพื่อน คนคน ถ้ามีกลิ่นสีเทาไม่ต้องไปรีบรวยเดี๋ยวจะพลาดตกบันได ไม่ได้รวยแถมมีคดีแทน ให้เลือกคบคนและอย่าวังวนธุรกิจสีเทา นอกจากนี้ ให้ดูแลสุขภาพ อย่าตะโกนจนเสียงแหบ ถนอมตัวเอง กินน้ำมะนาวผสมน้ำเกลืออุ่น เขาประกาศแล้วว่าเขาจะไป แต่ติดสัญญาทีวีพูล 2 ปี เราลงทุนเป็นล้านบาท เสนอกับทางช่องทีวี แล้วเทแบบนี้เสียหายแน่นอน เขาเป็นคนฉลาดและวาทะศิลป์ให้คนเชื่อ ขอให้เป็นนักร้องลูกทุ่งโด่งดังตามที่ผัน เรื่องจิตใจจบกันไปแต่เรื่องกฎหมายว่ากันต่อ เงินไม่สำคัญเท่ากับเสียความรู้สึก

ด้าน "ทิดสมปอง" ได้ออกมาไลฟ์สดชี้แจงเป็นข้อๆ ว่า เรื่องเข้าไปอยู่ที่บ้าน มีการพูดคุยกันตั้งแต่ตอนเป็นพระ แต่ไม่ได้ไปขออยู่ เป็นการพูดคุยกันและอีกฝ่ายเสนอมา มีการเข้าไปอยู่จริงแต่แค่ 1 เดือน ผมเป็นหนี้ใคร ผมต้องใช้หนี้ท่านเหล่านั้น ผมไม่ชอบการได้เงินมาเปล่าๆ ก่อนจะได้เงินมาก็ต้องทำงานให้เขาก่อน ผมไม่ให้ใครมาใช้หนี้ให้ ผมอยากทำงานใช้หนี้เอง

เงินงวดแรก 1 ล้านบาท ผมเพิ่งทราบว่า มีการโอนไปใช้หนี้ให้เลย ผมก็ขอบคุณ ยืนยันว่า เงินที่ได้มาเป็นเงินทำงานของผม พี่สาวท่านนั้นไม่ได้ใช้หนี้ให้ ถ้ายังทำงานไม่ครบก็ให้ทำงาน จ่ายผมเป็นงานๆ ครั้งๆ ส่วน 1 ล้านบาท ค่อยหักค่าตัวผมตามเรตราคาในปัจจุบัน และขอบคุณที่เมตตา เอ็นดู และดูแลมาตลอด

เรื่องที่คนมองว่าโลภ หิวเงิน เห็นเงินเป็นใหญ่ ถ้าผมอยากรวยคงไม่บวชแต่แรก สิ่งที่เรียนมาก็ไม่ได้ทำให้รวย แต่เป็นที่อยากสังเคราะห์ให้สังคม หลังจากสึกออกมาแล้วก็ติดลบ หนี้ที่มีผมจะรับผิดชอบแน่นอน

สำหรับเรื่องการเซ็นสัญญา วันนั้นมีการพูดคุยกัน หลังจากคุยกันก็ได้เซ็น ในตอนแรกทีมงานยังคิดว่าได้เดือน 1 ล้าน แต่ที่จริงคือ 4 เดือนล้าน ซึ่งไม่ใช่ปัญหา จนมีงานซิตคอมเรื่องแรก ตื่นแต่ 6 โมงเช้า ทำงานจนถึงตี 2 ซึ่งตอนนั้นยังเหลือดารารับเชิญอีก 1 คน หากถ่ายอีกคงเสร็จประมาณตี 4 ตี 5 ซึ่งผมเป็นคนไปขอเองว่า อีก 1 คน เป็นวันอื่นได้ไหม และวันนั้นเสียงก็แหบแล้ว ทำให้ทำงานไม่เต็มที่ ส่วนอีกรายการผมรู้สึกว่ามีคนทำงานดีกว่า เราทำงานให้เขาไม่คุ้ม ก็ควรให้คนที่คล่องกว่ามาทำ

ในส่วนของสัญญาฉบับเก่า มีการพูดคุยเรื่องเปลี่ยนสัญญา เนื่องจากวันทำงานเยอะไป งานแบบเดียวกันบ่อยไป ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนให้ผม แต่ผมยังไม่ได้เซ็นเพราะอยากดูให้ละเอียดรอบคอบ ฉะนั้นไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องค่าตัว

ส่วนเรื่องคบคนสีเทาผมไม่ได้มีปัญหากับเขา แต่ตัวผมเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา บุหรี่ไม่สูบเลย ไวน์ยังไม่ค่อยดื่ม ที่สำคัญไม่ยุ่งกับยาเสพติด

จากนั้น "ทิดสมปอง" ยังกล่าวต่ออีกว่า ผมมีนโยบายทำงานด้วยความสุขเท่านั้น เป็นนโยบายตั้งแต่เป็นเณร ชีวิตหลังจากนี้ตั้งใจทำงานเต็มที่ เต็มความสามารถที่มี ยิ่งสึกแล้วยิ่งทำงานเต็มที่กว่าเดิม

ทุกเรื่องราวมีบทเรียนให้ผม แค่เดือนกว่าๆ ก็มีบทเรียนมากมาย ผมเองก็ขอขอบคุณทุกคน ยังเป็นสมปองคนเดิมอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม และหลังจากชี้แจงครั้งนี้แล้วจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ยืนยันว่าสิ่งที่พูดคือความจริง จากใจ

ภาพจาก : Facebook สมปอง นครไธสง

ภาพจาก : Facebook สมปอง นครไธสง

ภาพจาก : Facebook สมปอง นครไธสง